
09/08/2025
📌พิษสุนัขบ้า ติดได้ทั้งสุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด รวมถึงมนุษย์(อัตราการตุยสูงมาก!!!)
📌และวัคซีนพิษสุนัขบ้า สามารถฉีดได้ตั้งแต่สัตว์เลี้ยงอายุ3เดือนใครยังรีรออยู่ หรือเคยฉีดเกิน1ปีไปแล้วก็ไปฉีดบูสได้เลยนะคะ
พิษสุนัขบ้าติดผ่านสิ่งคัดหลั่ง เช่นน้ำลาย ยิ่งบ้านไหนเลี้ยงปล่อย ไปกัดกับตัวอื่นมาแล้วมีเชื้อ ถ้าตัวเรามีแผลแล้วถูกน้ำลาย หรือน้องหมาเลียหน้าก็เสี่ยงแล้วค่ะ ไม่ต้องรอให้ตัวเองโดนกัดด้วยซ้ำไป เพราะงั้นเช็กเด็กๆ ที่บ้านกันด้วยนะคะ
ตอนนี้หลายพื้นที่ใน จ. สมุทรปราการ มีพิษสุนัขบ้าระบาด วันนี้เลยทำความเข้าใจกันค่ะว่าทำไมพิษสุนัขบ้าเป็นที อัตราเสียชีวิตแทบจะ 100% ภูมิคุ้มกันทำอะไรไม่ได้เลย
_____________
🤔 ทำไมภูมิคุ้มกันทำอะไรไวรัสพิษสุนัขบ้าไม่ค่อยได้?
เป็นที อัตราการตๅยแทบจะ 100%
📌 มีสองเรื่องฮะ
1. ระบบประสาทที่มีจุดอ่อนต่อไวรัสที่เดินทางในเซลล์ประสาทได้
2. เชื้อไวรัสหลบเงียบมาก
_____________
🧠 ระบบประสาทมีจุดอ่อน
1️⃣เซลล์ประสาทยาวเกินไป
❇️ ไวรัสตัวอื่น - ข้างร่างกายแล้ว ต้องรีบเข้าไปหลบในเซลล์ (แล้วแต่ว่าที่ไหน) พอหลุดออกมาจากเซลล์แล้ว ถ้าจะแพร่กระจาย ต้องไปทางเลือดเท่านั้น แล้วก็เจอกันระบบภูมิคุ้มกันไล่ตบตี
⚠️ ไวรัสพิษสุนัขบ้า - สัตว์มีเชื้อกัดปุ๊บ รีบหนีเข้าไปในเซลล์กล้ามเนื้อ แบ่งตัวเสร็จ แทนที่จะเข้าเลือด แต่กระโดดเกาะเซลล์ประสาทแล้วเข้าไปข้างในแทน
การออกแบบที่เสี่ยงที่สุดอย่างหนึ่งคือ เซลล์ประสาทมีใยประสาทมันยาวเกินไป ทำให้ไวรัสพิษสุนัขบ้า สามารถเดินทาง “ภายใน” เซลล์ประสาทจากจุดกัด เข้าสู่ไขสันหลังได้เลย โดยไม่ต้องออกมาเจอภูมิคุ้มกันในเลือดแบบไวรัสตัวอื่นเลย
และใช้วิธีนี้เดินทางต่อจากไขสันหลัง สู่สมองแบบเงียบๆ ได้เลย เพราะแอบไปกับการขนส่ง (Vesicle - microtubule) เดินได้ยาวๆ
ปล. แต่ถ้าไม่ออกแบบให้ยาวแบบนี้ ทุกวันนี้เราคงเคลื่อนไหวกันช้ามากๆ
_____________
🧠 ระบบประสาทมีจุดอ่อน
2️⃣ มีระบบหลอดเลือดป้องกันแน่นหนาเกินไป
❇️ อวัยวะอื่น - ถ้าติดเชื้อ ก็แค่ให้หลอดเลือดขยายตัว เปลี่ยนคุณสมบัติผนังหลอดเลือด แค่นี้กองกำลังเสริมของเม็ดเลือดขาวก็เข้าถล่มละ
⚠️ สมองและไขสันหลัง - มีระบบหลอดเลือดที่เรียกว่า blood-brain barrier ที่หนาแน่นมาก ข้อดีคือป้องกันพิษ ป้องกันสารพัดอันตรายได้
แต่ถ้ามีเหตุเกิดภายในอาณาจักรสมอง แล้วโครงสร้างหลอดเลือดไม่ได้เสียหายหรือเกิดการปรับแรงๆ กองกำลังเสริมจากเม็ดเลือดขาวภายนอกเข้าได้น้อยมาก ต้องพึ่งระบบภูมิคุ้มกันของตัวเอง (Microglia) ซึ่งไม่ได้เก่งขนาดนั้น ไปฟ้อง T/B cell ได้ไม่ดีพอ
แล้วไวรัสพิษสุนัขบ้าก็ฉลาดมาก มันมาเงียบๆ ไม่ไปยุ่งกับระบบหลอดเลือดเลย
🦠 เชื้อไวรัสหลบภูมิเก่งมากกก รู้อีกทีอยู่ในสมองพร้อมแพร่ไปทั่วแล้ว
❇️ เชื้อไวรัสตัวอื่น - ถ้าเข้าไปติดในเซลล์ปุ๊บ เซลล์จะรู้ตัวแล้วเริ่มสร้างสารเตือนภัยชื่อ IFN type 1 ไปบอกเซลล์อื่นว่ามีผู้บุกรุกให้เตรียมรับมือ, หากหลุดออกมาข้างนอก เม็ดเลือดขาวก็มีเซนเซอร์รับรู้แล้วจัดการ
⚠️ แต่ไวรัสพิษสุนัขบ้ามันร้ายกว่านั้น
✔️ ปล่อยสกิล P protein สกัดการสร้าง IFN type 1 —> เซลล์ประสาทนั้นส่งความช่วยเหลือไม่ได้เลย
✔️ มันไม่แบ่งตัว มันแค่เดินทาง ดังนั้นเซลล์ประสาทแทบไม่รับรู้ว่ามีไวรัสกำลังอาศัยเดินทางไปยังไขสันหลังและสมองเลย จะไปแบ่งอีกทีตอนอยู่ใจกลางสมอง
✔️ ปล่อยสกิล N protein สกัดเซนเซอร์ของพวกเม็ดเลือดขาว ทำให้ตรวจเจอแล้ว จับกินไม่ได้
✔️ ปล่อยสกิล FasL (สกิลเดียวกับ NK cell/CD8+ T cell) ชิงฆ่ๅเม็ดเลือดขาวก่อน
_____________
📌 สรุปคือ:
เข้าร่างแล้ว เดินทางเงียบๆ ในเซลล์ประสาท ไม่ยุ่งอะไรทั้งสิ้น เหมือนสายลับเข้าสู่เมืองหลวง หากภูมิมาเห็น ก็มีสกิลเก็บคนที่เห็น รู้ตัวอีกทีก็ถึงใจกลางสมองแล้ว ถึงเริ่มแบ่งตัวเพิ่มจำนวนที่นั่น ตอนนั้นก็สายไปแล้วค่ะ
สามารถแพร่ไปทั่วสมอง ไปศูนย์กล้ามเนื้อคอหอยบริเวณก้านสมอง ทำให้วงจร reflex การกลืนไวอย่างรุนแรง เมื่อกลืนน้ำ กล้ามเนื้อจะหดตัวรุนแรง จนทำให้เหมือนกลัวน้ำ (Hydrophobia)
ไปศูนย์การเคลื่อนไหว ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งเริ่มที่ใบหน้า บางคนหดจนหลังแอ่นทรมาน
แล้วยังใช้เซลล์ประสาทเดินทางจากสมอง ออกมายังต่อมน้ำลาย เพื่อให้โฮสต์ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนนั้น ไล่กัดคนต่อไป
ด้วยเหตุนี้ไวรัสพิษสุนัขบ้า โคตรน่ากลัว สกิลหลบโคตรเงียบ สกิลแพร่ก็ฉลาด ดังนั้นเมื่อโดนสัตว์กัด/ข่วน ให้ไปประเมินที่ห้องฉุกเฉินเลยค่ะ โดยเฉพาะมีเลือดออก หรือสารคัดหลั่งโดนเยื่อเมือก เช่น ปาก จมูก ตา
เคยมีเคสที่รายงานว่ารอดน้อยมาก น่าจะหลัก 10 ที่รอด มักจะเพราะได้รับวัคซีนมาบ้างแล้ว (แต่อาจไม่ครบ ได้แค่ 1-2) + โดนสายพันธุ์ไม่ดุ (Bat strain)
⚠️ พิษสุนัขบ้าไม่ใช่เรื่องเล่น
มีเคสรายงานอยู่เรื่อยๆ ค่ะ